http://www.gotoknow.org/blogs/posts/399983 ได้รวบรวมไว้ว่า เนื่องจากการทำวิจัยในแต่ละเรื่องเราไม่สามารถที่จะศึกษาได้ครอบคลุมในทุกประเด็น การกำหนดขอบเขตของการวิจัย จะทำให้งานวิจัยมีความชัดเจน และเป็นไปตามวัตถุประสงค์การวิจัยที่ได้กำหนดเอาไว้ ซึ่งในส่วนของขอบเขตการวิจัยนั้น จะประกอบด้วย
1. ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง ซึ่งผู้วิจัยต้องระบุว่าประชากรเป็นใคร ใช้เป็นกลุ่มตัวอย่างจำนวนเท่าไร และกลุ่มตัวอย่างได้มาโดยวิธีใด
2. ตัวแปรที่ใช้ในการศึกษา ผู้วิจัยต้องระบุตัวแปรอิสระและตัวแปรตามที่ใช้ในการศึกษาทั้งหมด
ในงานวิจัยบางเรื่องอาจจะระบุขอบเขตด้านเนื้อหาเข้าไปด้วย เพื่อให้มองเห็นของเขตในการวิจัยได้มากขึ้น การเขียนขอบเขตการวิจัยนี้ ผู้วิจัยจะต้องครอบคลุมว่าจะศึกษาตัวแปรอะไรบ้าง ซึ่งควรสอดคล้องกับกรอบความคิดของการวิจัย ( Research framework ) ควรมีการระบุเหตุผลที่เรานำเอาตัวแปรเหล่านั้นเข้ามาศึกษา ในกรอบความคิด ไม่ควรระบุแต่ชื่อตัวแปรที่ศึกษาว่าคืออะไรเท่านั้น แต่ต้องขยายความให้เห็นแนวคิดเบื้องหลัง เพื่อให้ผู้อ่านรายงานการวิจัยเข้าใจวิธีคิดหรือทฤษฎีที่ผู้วิจัยใช้เป็นฐานในการกำหนดกรอบแนวคิด
ส่วนขอบเขตประชากรนั้น ผู้วิจัยต้องอธิบายว่ากลุ่มเป้าหมายที่เกี่ยวข้องจริง แล้วครอบคลุมคนกลุ่มใด ทำไมเราจึงสนใจที่จะศึกษาเฉพาะกลุ่มเท่านั้น
http://www.oknation.net/blog/manrit/2007/09/30/entry-1 ได้รวบรวมไว้ว่า ขอบเขตในการวิจัย ที่ต้องกำหนด ประกอบด้วย
1. ประชากรที่ใช้ในการวิจัย
ก. ลักษณะของประชากร
ข. จำนวนประชากร (ถ้าหาได้)
2. กลุ่มเป้าหมายที่ใช้ในการวิจัย
ก. ขนาดของกลุ่มเป้าหมาย
ข. วิธีเลือกกลุ่มเป้าหมาย
3. ตัวแปรที่ศึกษา
ก. ตัวแปรอิสระ (Independent Variable) คือ ตัวแปรที่เป็นเหตุ
ข. ตัวแปรตาม (Dependent Variable) คือ ตัวแปรที่เป็นผล
และขอบเขตเพิ่มเติม (กรณีงานวิจัยเชิงทดลอง) ซึ่งประกอบด้วย
1. ขอบเขตของเนื้อหาที่ใช้ในการทดลอง
2. ระยะเวลาที่ใช้ในการทดลอง
สรุปความว่า ขอบเขตของการวิจัย เป็นการระบุให้ทราบว่าการวิจัยที่จะศึกษามีขอบข่ายกว้างขวางเพียงใด เนื่องจากผู้วิจัยไม่สามารถทำการศึกษาได้ครบถ้วนทุกแง่ทุกมุมของปัญหานั้น จึงต้องกำหนดขอบเขตของการศึกษาให้แน่นอน ว่าจะครอบคลุมอะไรบ้าง ซึ่งอาจทำได้โดยการกำหนดขอบเขตของเรื่องให้แคบลงเฉพาะตอนใดตอนหนึ่งของสาขา วิชา หรือกำหนดกลุ่มประชากร สถานที่วิจัย หรือระยะเวลา ซึ่งประกอบด้วย
สรุปความว่า ขอบเขตของการวิจัย เป็นการระบุให้ทราบว่าการวิจัยที่จะศึกษามีขอบข่ายกว้างขวางเพียงใด เนื่องจากผู้วิจัยไม่สามารถทำการศึกษาได้ครบถ้วนทุกแง่ทุกมุมของปัญหานั้น จึงต้องกำหนดขอบเขตของการศึกษาให้แน่นอน ว่าจะครอบคลุมอะไรบ้าง ซึ่งอาจทำได้โดยการกำหนดขอบเขตของเรื่องให้แคบลงเฉพาะตอนใดตอนหนึ่งของสาขา วิชา หรือกำหนดกลุ่มประชากร สถานที่วิจัย หรือระยะเวลา ซึ่งประกอบด้วย
1. ประชากรที่ใช้ในการวิจัย ผู้วิจัยต้องอธิบายว่ากลุ่มเป้าหมายที่เกี่ยวข้องจริง แล้วครอบคลุมคนกลุ่มใด ทำไมเราจึงสนใจที่จะศึกษาเฉพาะกลุ่มเท่านั้น ประกอบด้วย
ก. ลักษณะของประชากร
ข. จำนวนประชากร (ถ้าหาได้)
2. กลุ่มเป้าหมายที่ใช้ในการวิจัย
ก. ขนาดของกลุ่มเป้าหมาย
ข. วิธีเลือกกลุ่มเป้าหมาย
3. ตัวแปรที่ศึกษา ผู้วิจัยต้องระบุ
ก. ตัวแปรอิสระ (Independent Variable) คือ ตัวแปรที่เป็นเหตุ
ข. ตัวแปรตาม (Dependent Variable) คือ ตัวแปรที่เป็นผล
ในงานวิจัยบางเรื่องอาจจะระบุขอบเขตด้านเนื้อหาเข้าไปด้วย เพื่อให้มองเห็นของเขตในการวิจัยได้มากขึ้น การเขียนขอบเขตการวิจัยนี้ ผู้วิจัยจะต้องครอบคลุมว่าจะศึกษาตัวแปรอะไรบ้าง ซึ่งควรสอดคล้องกับกรอบความคิดของการวิจัย ควรมีการระบุเหตุผลที่เรานำเอาตัวแปรเหล่านั้นเข้ามาศึกษา ในกรอบความคิด ไม่ควรระบุแต่ชื่อตัวแปรที่ศึกษาว่าคืออะไรเท่านั้น แต่ต้องขยายความให้เห็นแนวคิดเบื้องหลัง เพื่อให้ผู้อ่านรายงานการวิจัยเข้าใจวิธีคิดหรือทฤษฎีที่ผู้วิจัยใช้เป็นฐานในการกำหนดกรอบแนวคิด
และขอบเขตเพิ่มเติม (กรณีงานวิจัยเชิงทดลอง) ซึ่งประกอบด้วย
1. ขอบเขตของเนื้อหาที่ใช้ในการทดลอง
2. ระยะเวลาที่ใช้ในการทดลอง
อ้างอิง
http://blog.eduzones.com/jipatar/8592. เข้าถึงเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2555
http://www.gotoknow.org/blogs/posts/399983 . เข้าถึงเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2555
http://www.oknation.net/blog/manrit/2007/09/30/entry-1. เข้าถึงเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2555
อ้างอิง
http://blog.eduzones.com/jipatar/8592. เข้าถึงเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2555
http://www.gotoknow.org/blogs/posts/399983 . เข้าถึงเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2555
http://www.oknation.net/blog/manrit/2007/09/30/entry-1. เข้าถึงเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2555
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น